ค้นหา
ไทย
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
  • English
  • 正體中文
  • 简体中文
  • Deutsch
  • Español
  • Français
  • Magyar
  • 日本語
  • 한국어
  • Монгол хэл
  • Âu Lạc
  • български
  • Bahasa Melayu
  • فارسی
  • Português
  • Română
  • Bahasa Indonesia
  • ไทย
  • العربية
  • Čeština
  • ਪੰਜਾਬੀ
  • Русский
  • తెలుగు లిపి
  • हिन्दी
  • Polski
  • Italiano
  • Wikang Tagalog
  • Українська Мова
  • อื่น ๆ
ชื่อ
การถอดเสียง
ต่อไป
 

อยู่อย่างพอเพียงในกรณีฉุกเฉิน ตอนที่ 1 ของ 2 ตอน

2023-01-18
รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
กับภัยพิบัติบังเกิด บ่อยขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ทั่วโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องเตรียมพร้อม พึ่งพาตนเอง และพึ่งพาตนเองในกรณี ที่เกิดเหตุฉุกเฉิน วันนี้เราจะมาแบ่งปันเคล็ดลับ การเตรียมพร้อม ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องมีสิ่งของ จำเป็นบางอย่าง เช่น อาหาร น้ำ โคมไฟ พลังงาน เชื้อเพลิง พลังงานแสงอาทิตย์ และหรือวิทยุ- มือหมุนเพื่อรับข่าวสาร ฯลฯ ไว้พร้อมในกรณีฉุกเฉิน และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างน้อย ในการจัดหาของให้เพียงพอ ในตอนที่หนึ่งของซีรีส์นี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่น้ำและอาหาร

ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด สำหรับมนุษย์ คือน้ำดื่มสะอาด ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วย น้ำประมาณ 60% และอวัยวะสำคัญของเราบางส่วน เช่น หัวใจ และสมอง มีน้ำ 73% มนุษย์สามารถอยู่ได้ สามถึงเจ็ดวันโดย ไม่ต้องดื่มน้ำ ซึ่ง เป็นระยะเวลาที่สั้นมาก

เป็นเรื่องง่ายที่จะเก็บน้ำจืด ในกรณีฉุกเฉิน ผู้หญิงต้องการประมาณ 0.7 แกลลอน (2.7 ลิตร) และ ผู้ชายประมาณหนึ่งแกลลอน (3.8 ลิตร) ต่อวันเพื่อการทำงานที่เหมาะสม แต่ร่างกายมนุษย์สามารถอยู่รอดได้ ที่ประมาณ 0.3 แกลลอน (หนึ่งลิตร) ต่อวัน แนวทางการเอาชีวิตรอดส่วนใหญ่ แนะนำให้เก็บ น้ำหนึ่งแกลลอน (3.8 ลิตร) ต่อคนต่อวัน ในกรณีที่ จำเป็นสำหรับการล้าง ทำความสะอาด ดูแลแผล ฯลฯ น้ำไม่มีวันหมดอายุ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ขวดพลาสติกที่บรรจุน้ำนั้น จะดูดพลาสติกลงไปในน้ำ อายุการเก็บรักษาเหยือกน้ำ ขนาด 5 แกลลอน (18.9 ลิตร) อยู่ที่ประมาณสองปี หากคุณสังเกตเห็นว่า น้ำเปลี่ยนสี มันอาจบ่งบอกถึงการเจริญเติบโต ของสาหร่ายหรือแบคทีเรีย ทำให้ไม่ปลอดภัยที่จะดื่ม

สำหรับการแก้ปัญหาในระยะยาว มีตัวเลือกการกรองน้ำ ให้เลือกมากมาย ตรวจสอบร้านค้าออนไลน์ หรือร้านค้าในพื้นที่ของคุณเพื่อค้นหา ระบบกรองน้ำขนาดใหญ่ หลอดกรองส่วนบุคคล ประเภทต่าง ๆ ช่วยให้คุณดื่มน้ำ กรองสะอาดได้โดยตรงจาก จากแหล่งน้ำจืด เช่น สระน้ำหรือทะเลสาบ อีกทางเลือกหนึ่งที่มีต้นทุนต่ำ คือการฆ่าเชื้อแบบเม็ด ซึ่งใช้คลอรีนหรือไอโอดีน ในการกำจัดสารเคมี แบคทีเรีย ไวรัส และปรสิต ออกจากน้ำจืดที่ไม่ได้กรอง ยาเม็ดเหล่านี้มักจะฆ่าเชื้อ ในน้ำภายใน 30 นาที

หากตัวเลือกเหล่านี้ไม่พร้อม ใช้งาน คุณสามารถ ต้มน้ำเป็นเวลาหนึ่งนาที หรือหากคุณอยู่ที่ระดับความสูง มากกว่า 6,500 ฟุต (1,980 เมตร) ให้ต้มน้ำเป็นเวลาสามนาที วิธีนี้จะขจัดสารพิษ ส่วนใหญ่แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เช่น ตะกั่วและแคดเมียม การใช้ที่กรองกาแฟ เพื่อกรองน้ำก่อนต้ม สามารถช่วยขจัด สิ่งปนเปื้อนขนาดใหญ่ได้

ทางเลือกสุดท้าย คุณสามารถสร้าง น้ำพุธรรมชาติของคุณเอง โดยใช้ถังสองใบ ทราย ดิน หิน และน้ำ ทำรูระบายน้ำเล็ก ๆ สองสามรู ในถังใบหนึ่ง จากนั้นเติมทราย ชั้นล่าง ดินชั้นกลาง และหินชั้นบนให้เต็ม เมื่อถังเต็มแล้ว ให้แขวนไว้บนต้นไม้ วางถังอีกใบ บนพื้นด้านล่าง ก็คือให้น้ำที่คุณเทลง ในถังด้านบนจะถูกกรอง เข้าไปในถังด้านล่าง ตัวเลือกนี้จะไม่กำจัด สารพิษทั้งหมด แต่ดีกว่า การดื่ม จากแหล่งน้ำจืดโดยตรง

สภากาชาดอเมริกัน จากสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ เก็บน้ำสำรองไว้ที่บ้าน เป็นเวลาสองสัปดาห์ เมื่อต้องการสถานที่หลบภัย และเผื่อไว้สามวัน เพื่อนำติดตัวไปด้วย ในกรณีที่จำเป็นต้องอพยพ

ตอนนี้คุณรู้วิธีรักษา ความชุ่มชื้นแล้ว เรามาตรวจดูให้แน่ใจว่า ตู้กับข้าวของคุณมีอาหาร ที่จำเป็นไม่เน่าเสียง่าย ที่เก็บไว้ได้นาน การเก็บอาหารไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ทำได้ง่ายและประหยัดค่าใช้จ่าย ถ้าเก็บเหมาะสม อาหารหลายชนิด ที่เรารับประทานทุกวันสามารถอยู่บน ชั้นวางได้นานหลายปีหรือหลายสิบปี

เริ่มจากของแห้งกันก่อน ข้าวขาวเป็นอาหารที่ราคาไม่แพง และมีแคลอรี่สูง เนื่องจากข้าวเปล่า 1 ถ้วย มี 716 แคลอรี่ ข้าวขาวดิบสามารถเก็บไว้ได้ นาน 25 ถึง 30 ปีหากเก็บ ไว้ในภาชนะที่ปราศจากออกซิเจน แม้ว่าข้าวกล้องอาจมีประโยชน์ต่อ สุขภาพมากกว่า แต่ก็มีอายุการ เก็บรักษาเพียงหกเดือนเท่านั้น อาหารหลักอีกอย่างคือถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วเป็นที่รู้จักกันว่า อุดมไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ และความสามารถในการ คงความสดนานถึงสิบปีหรือมากกว่า เมื่อเก็บไว้อย่างเหมาะสม สินค้าแห้งอื่น ๆ ขึ้นชื่อเรื่องอายุ การเก็บรักษาที่ยาวนานมาก ได้แก่ พาสต้า ข้าวโอ๊ต และข้าวสาลี โดยแต่ละอย่างมีอายุอย่างน้อยหนึ่ง ทศวรรษด้วยการจัดเก็บที่เหมาะสม

ผลไม้ ผัก และถั่วกระป๋อง เป็นอาหารที่ “คงตัวในการเก็บรักษา” ซึ่งอยู่ได้นานห้าปีหรือมากกว่านั้น หากกระป๋องอยู่ ในสภาพดี ห้ามกินอาหารกระป๋อง หากกระป๋องเป็นสนิม เนื่องจากเหล็กดูดเข้าไปในอาหารได้ นอกจากนี้ แบคทีเรียที่เป็นอันตราย สามารถเข้าสู่อาหารได้ หากกระป๋องบุบ เจาะ รั่ว หรือโป่ง หากคุณเปิดกระป๋องแล้วสังเกตเห็น กลิ่นเหม็น ของเหลวสีขุ่น รอบ ๆ ผัก หรือมีของเหลวพุ่งออกจากกระป๋อง ให้หลีกเลี่ยงการชิมอาหาร และทิ้งไปทันที

อาหารอื่น ๆ ที่รู้จักกันว่า อยู่นานหลายสิบปี ได้แก่ เกลือ แป้งข้าวโพด น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา น้ำเชื่อมเมเปิ้ล สมุนไพร และเครื่องเทศแห้ง และน้ำมันมะพร้าว เป็นที่รู้กันว่า เนยถั่วอยู่ได้สามถึงห้าปี และเนยถั่วแบบผงสามารถ อยู่ได้นานถึง 15 ปี ซอสถั่วเหลืองสามารถอยู่ได้ สองถึงสามปีหากเปิดใช้ และแทบจะตลอดไปหากปิดผนึก! กาแฟสำเร็จรูปสามารถอยู่ได้นานถึง 10 ปีในภาชนะที่ยังไม่ได้เปิด คุณยังสามารถค้นคว้าข้อมูล ทางอินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหา อาหารฉุกเฉินวีแกนแบบแท่ง และปันส่วนที่มี อายุการเก็บรักษานานเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 5 ถึง 25 ปี

ตอนนี้เรามาเรียนรู้ วิธีเก็บอาหารเหล่านี้ เพื่อยืดอายุความสด กุญแจสำคัญในการทำให้อาหาร ไม่เน่าเสียคงอยู่ได้นาน ไม่ว่า จะเป็นอาหารแห้งหรืออาหารกระป๋อง คือการเก็บไว้ในสภาพแวดล้อม ที่เย็น มืด และแห้ง

เก็บอาหารแห้งโดย เทลงในถุงไมลาร์ เมื่อถุงเต็ม ให้เติมตัวดูดซับออกซิเจนลงในถุง อาหารแต่ละประเภทต้องการ ตัวดูดซับออกซิเจนในปริมาณ ที่แตกต่างกันเพื่อรักษาความสด ดังนั้นโปรดหาข้อมูลทางออนไลน์ เพื่อหา ปริมาณตัวดูดซับออกซิเจนที่ เหมาะสมสำหรับอาหารใดก็ตามที่ คุณต้องการเก็บรักษา วิธีที่ดีที่สุดในการซีลถุงไมลาร์ คือใช้ เตารีดหรือเครื่องยืดผมให้ตรง สุดท้าย ใส่ถุงที่ปิดสนิท ลงในถังหรือภาชนะ ปิดฝา วางภาชนะ ในที่เย็น เหนือพื้นสองสามนิ้ว เพื่อให้อากาศไหลเวียน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ติดฉลาก แต่ละถุงด้วยประเภทอาหาร และวันที่จัดเก็บก่อนปิดผนึก

อีกทางเลือกหนึ่งที่ประหยัด และง่ายคือการวางของแห้ง ในโหลแก้ว แก้วสร้างเกราะป้องกัน ออกซิเจนและความชื้น ทำให้อาหารภายในสามารถ เก็บรักษาไว้ได้นาน อย่างไรก็ตาม ขวดโหลแก้ว ก็มีข้อเสียตรงที่แตกง่าย และบรรจุอาหารได้ไม่มากเท่า ถุงไมลาร์

คุณรู้หรือไม่ว่าวัชพืชหลายชนิด กินได้และมี สารอาหารมากกว่าผัก? วัชพืชกินได้ที่สามัญที่สุดในโลก คือดอกแดนดิไลอัน พบได้ในทุกทวีป ยกเว้นแอนตาร์กติกา ดอกแดนดิไลออนเต็มไปด้วย วิตามินและแร่ธาตุ อาจ มากกว่าผักขมหรือคะน้าด้วยซ้ำ สามารถรับประทานได้ทุกส่วน ของดอกแดนดิไลอัน รวมทั้ง ดอก ต้น และราก แลมส์ควอเต้อร์เป็น วัชพืชทั่วไปอีกชนิดหนึ่ง ที่มีการปลูก ในหลายภูมิภาคของโลก อย่างเป็นพืชผลทางการเกษตร เนื่องจากมีสารอาหาร สูงอย่างไม่น่าเชื่อ วัชพืชอื่น ๆ ที่สามารถรับประทานได้ ได้แก่ โคลเวอร์ ผักโขมเขียว ชิกวีด ตำแย และมัสตาร์ดป่า

ขณะที่เราเตรียมพร้อม สำหรับช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนข้างหน้า สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ คือเรียนรู้ที่จะ ไม่พึ่งพามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ การเรียนรู้ที่จะปลูก อาหารเองจะทำให้เรามี ปัจจัยยังชีพเสมอ ไม่ว่าจะขาดแคลนอะไรก็ตาม ผักและผลไม้สามารถ ปลูกได้ทั้งกลางแจ้งและในที่ร่ม เข้ากับทุกสไตล์การใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน อพาร์ตเมนต์ หรือบ้านพักอาศัย

ท่านอนุตราจารย์ชิงไห่ ผู้เป็นที่รักยิ่งของเรา (วีแกน) ได้แบ่งปันถ้อยคำชาญฉลาดเหล่านี้ กับผู้ชมทั่วโลก ในระหว่างการประชุม กับสมาชิกทีมงาน สุพรีมมาสเตอร์ทีวี (วีแกนทั้งหมด) ในเดือนกรกฎาคม 2020:

“ค้ำจุนตัวเองให้ได้ มากที่สุด” (ค่ะ ครับ) ถึงจะมีระเบียง ก็ปลูกของกินได้ (ค่ะ ครับ) ถ้าคุณมีที่ดิน คุณปลูกพืช คุณปลูกผัก คุณปลูกไม้ผล ให้ค้ำจุนตัวเองให้ได้ มากที่สุด ใครก็ตาม ใครก็ตามที่ฟัง และลูกศิษย์ แน่นอน ปลูกพืชอาหารออร์แกนิก ให้มากที่สุด ค้ำจุนตัวเอง ให้ได้มากที่สุด (ค่ะ ขอบคุณค่ะ อาจารย์)
รับชมเพิ่มเติม
ทุกตอน  (1/2)
รับชมเพิ่มเติม
ใช้ชีวิตที่ดีขึ้น  (2/24)
รับชมเพิ่มเติม
วีดีโอล่าสุด
แบ่งปัน
แบ่งปันไปที่
ฝัง
เริ่มที่
ดาวน์โหลด
โทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือ
ไอโฟน
แอนดรอยด์
รับชมในบราวเซอร์ในโทรศัพท์มือถือ
GO
GO
Prompt
OK
แอพ
สแกนโค้ดคิวอาร์ เลือกระบบโทรศัพท์ที่ถูกต้อง เพื่อดาวโหลด
ไอโฟน
แอนดรอยด์